มีการคาดหมายกันว่า รัฐบาลเศรษฐาน่าจะมีการปรับ ครม.ครั้งแรกช่วง พ.ค.-มิ.ย.ปีหน้า เพราะบุคลิกการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจทั้งหมดของรัฐบาล จะนิยมปรับ ครม.ภายในช่วง 6-8 เดือน ซึ่งรัฐบาลเศรษฐา เมื่อไปถึงช่วง พ.ค.2567 ก็ถือว่าครบ 8 เดือนแล้ว ทำให้มีโอกาสสูงที่จะมีการปรับ ครม. อย่างที่ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พูดมาตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งว่าตอนนี้เป็นการปรับทัพชั่วคราวเนื่องจากเหตุจำเป็นทางกฎหมาย และพร้อมคืนเกาอี้ให้กับพิธาเสนอหากเขากลับมาทำหน้าที่ สส. ดังนั้น การแสวงหาฉันทามติของสังคมภายใต้ความขัดแย้งใหม่ เพื่อตั้งมั่นระบบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย จึงเป็นโจทย์ท้าทายสำคัญของการเมืองไทยในอนาคตอันใกล้. การแก้ไขรัฐธรรมนูญในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ประชาชนไม่เคยแก้ไขได้สำเร็จ รัฐธรรมนูญทุกฉบับที่เขียนขึ้นมาใหม่เพราะถูกฉีกด้วยอำนาจจากปลายกระบอกปืนเท่านั้น. แต่กว่าจะถึงวันที่ประชาชนจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องเข้าคูหาอีกอย่างน้อย 4 ครั้งคือ การให้ความเห็นชอบว่าต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, ให้ความเห็นชอบรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขเพื่อเปิดทางให้มี สสร., เลือกตั้ง สสร. และปิดท้ายด้วยการให้ความเห็นชอบรัฐธรรมนูญที่ร่างโดย สสร.
1 มกราคม 2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช วิเคราะห์ “อนาคต three พรรคการเมือง ปี2567” ผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง” ดังนี้… ในขณะที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ไม่พลาด รับลูกต่อทันทีโดยแจ้งสื่อว่าในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.2567) จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง กกต. ไล่ตั้งแต่ คดีการถือครองหุ้นของศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ที่ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่จะอ่านคำวินิจฉัยวันที่ 17 ม.ค.2567 ตามด้วยคดีหุ้นสื่อไอทีวีของพิธา ที่นัดอ่านคำวินิจฉัยวันที่ 24 ม.ค.
การเมืองไทยปีมังกรทอง 2567 เหลียวหลังแลหน้า ประเมินสถานการณ์รอบทิศแล้ว ชี้ชัดๆ ได้ว่าร้อนแรง เป็นมังกรทองพ่นไฟให้ได้เห็นกัน. นุชนาฏ ได้งานเป็นผู้ช่วยเชฟในโรงเรียนสอนทําอาหารในโรงแรมชื่อดังเธอได้ร่วมงานกับหัวหน้าเชฟสุดเนี้ยบอย่าง ปกรณ์ ที่เป็นคนไทยเหมือนกันแต่กลับไม่เคยออมชอม… 10 ประเด็นการเมืองไทยปี 2567 นี้ แต่ละเรื่องจะก่อให้เกิดความร้อนแรงได้มากน้อยขนาดไหนมารอดูกัน… ที่สำคัญคือการชดเชยแต้มต้นทุนหน้าตักที่เสียหายหนักจากการผิดคำพูด ฉีกขั้วประชาธิปไตยไปจัดตั้งรัฐบาลสูตรพิสดาร ผสมพันธุ์ขั้ว 3 ป.
จากสาเหตุหลายปัจจัยทั้งการเมืองภายในและผลจากปัญหาทางเศรษฐกิจสะสมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอก ชาติชาย ผนวกกับปัญหาเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศในยุคโลภาภิวัตน์จึงนำไปสู่การชุมนุม ระหว่างวันที่ พฤษภาคม พ.ศ. 2535 และมีการปราบปรามผู้เข้าร่วมชุมนุมจนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย จึงเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “พฤษภาทมิฬ” หากในมุมมองของผู้ร่วมชุมนุมฯ ได้เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “พฤษภาประชาธรรม” เนื่องจากเป็นการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและความชอบธรรมต่อความอยุติธรรมทางการเมืองที่ออกแบบและปกครองโดยคณะฯ รสช. ดังนั้นสมการการเมืองก็จะเปลี่ยนกลับมาเป็นการเลือกนายกฯ ในสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 500 เสียง กึ่งหนึ่งคือ 250 เสียง พรรคที่ได้จำนวนที่นั่งมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎรก็จะกลับมามีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลและครองเก้าอี้นายกฯ โดยไม่ต้องพึ่งพาเสียงจาก สว.